[Birds of Prey]Wicked game (4)

Standard
Title: Wicked game (4)
Pairing:  Roman Sionis l Black Mask and Victor Zsasz l Mr.Zsasz
Movie: Birds of Prey (DCEU)
Author: Zol Redfox
#ZsaszMask
Warning: Sexual content, BDSM, Angst, Crime, Violence and Obsessed
 

         Note:
Victor Zsasz’s a psychopath. I believe that he’s in asylum before. He didn’t care what’s bad things, and he always does crimes. Please remember this. Reader discretion advised.

           วิคเตอร์ แซซเป็นไซโคพาธที่เชื่อว่าเคยอยู่โรงพยาบาลบ้ามาก่อน เขาไม่สนใจว่าอะไรคือสิ่งที่ผิดจึงมักก่ออาชญากรรมโดยไม่ตระหนักถึงความผิดใดใด นอกจากนี้ยังมีการแสดงออกและแนวความคิดที่ผิดไปจากปกติดังนั้นแล้วขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านเพราะบางการแสดงออกของแซซนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ายอมรับโดยทั่วไป

 

 

 

 

 

          วิคเตอร์มักไม่พอใจทุกครั้งเวลาที่โรมัน ไซโอนิสให้ความสนใจใครคนอื่นมากกว่าตัวของเขา เมื่อใดที่โรมันมีท่าทีหลงใหลหรือโปรยเสน่ห์ต่อใครคนอื่น แซซมักจะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ

 

          ไม่ใช่แค่กับตัวโรมันแต่หมายรวมถึงคนที่โรมันเข้าหาและแสดงท่าทางสน0ใจด้วยเสน่หา

 

          คนของเขาจะเป็นของเขาเพียงเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เป็นของใคร

 

          Victor Zsasz

 

          วิคเตอร์ แซซ ชื่อที่ถูกใครต่อใครกล่าวขานซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้ฟังระรื่นหูเท่ากับการถูกเรียกด้วยชื่อเล่นอย่าง ‘มิสเตอร์แซซ’ คงจะมีเพียงโรมันคนเดียวที่ทำให้การเรียกชื่อ ‘วิคเตอร์’ มีความหมายและถูกเติมเต็มอารมณ์ส่วนลึกในใจ ยิ่งเวลาที่เสียงนั้นดังกระเส่าอยู่ข้างใบหู

 

          ไม่มีใครที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้มากกว่าตัวของพวกเขาเอง แซซไม่มีวันให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์อันแสนลึกซึ้งของพวกเขาไม่ว่านั่นจะเป็นมุมที่เผยแสดงต่อสาธารณะหรือในที่ลับก็ตาม

 

          โลกของวิคเตอร์ แซซคือโรมัน โบเวส์ ไซโอนิสเท่านั้น

 

          แซซไม่เคยให้ความสนใจว่าพวกเขารู้จักกันมาเนิ่นนานเท่าไหร่ ตั้งแต่เมื่อใดที่พวกเขาทั้งคู่สนิทจนอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรในเมื่อตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างได้มาอยู่ในจุดนี้แล้ว จะสิบปีหรือยี่สิบปีมันเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ผ่านอะไรมามากเกือบทั้งชีวิต ทั้งช่วงเวลาที่โรมันอ่อนแอ และอาจอ่อนแอมากยิ่งกว่าที่ใครหลายๆ คนเคยพบเห็น แต่ท้ายที่สุดชื่อของ แบล็คมาสค์ ก็ถูกรู้จักอย่างกว้างขวางโดยไม่ต้องพึ่งชื่อตระกูลไซโอนิสด้วยซ้ำ

 

          ‘Fuck family’ ฉันบอกกับเขาอย่างนั้น

 

          ครอบครัวนั่นไม่จำเป็นต้องมีโรมันและโรมันก็ไม่จำเป็นต้องมีใครที่ใช้นามสกุลไซโอนิสมาอยู่ข้างๆ เขามีแค่ฉันเพียงเท่านั้นก็เกินพอ ยินดีจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง มากกว่าครอบครัวก็ยินดี โรมันไม่จำเป็นต้องมีใคร.. แค่ฉันคนนี้ วิคเตอร์ แซซเพียงคนเดียวเขาก็สามารถทำให้ทุกอย่างเป็นจริงได้แล้ว

 

          เหมือนดังตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องมีครอบครัว ทุกอย่างสำเร็จได้เพราะเรามีกันและกัน ฉันอาจเป็นจอมบงการโดยที่เขาไม่รู้ตัว แม้เป็นเช่นนั้นโรมันกลับยังคงยอมฟังและกระทำตามทุกอย่างโดยว่าง่าย โอนอ่อนต่อคำพูดโน้มน้าวและเสียงที่คอยกระซิบอยู่ข้างใบหู ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรเขาจะคอยรับฟัง ตั้งใจจดจ่อและคล้อยตามโดยง่าย เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจทราบได้ มันอาจเป็นเพราะสิ่งที่ฉันทำให้เขาตลอดมา ผลลัพธ์ทั้งหลายประจักษ์ต่อสายตาแล้วว่าวิธีการที่ฉันจัดการเหมาะสมและเป็นเลิศ เพราะแทบทุกอย่างไม่เคยผิดพลาด ฉันทำทุกอย่างได้สำเร็จเรียบร้อยเพียงเพราะต้องการให้เขามีความสุข รอยยิ้มของเขาเป็นหนึ่งสิ่งที่ฉันอยากจะเฝ้ามองในทุกๆ วินาทีหากมีโอกาส

 

          แต่กว่าเราจะมาถึงจุดนั้นได้ฉันต้องทนเห็นภาพแสนน่าเวทนาและสะเทือนใจ การกระทำที่ไม่ต่างจากคนที่กำลังดำดิ่งสู่ห้วงทะเลลึก จมลงใต้น้ำราวกับถูกฉุดกระชาก หกล้มคลุกคลานเถลือกไถลไปกับหินดินทราย ความพยายามที่จะยืนหยัดของโรมันทำให้ฉันต้องคอยฉุดกระชากไม่ใช่เพียงแค่การดึงรั้ง คอยโอบประคองและอาจจะลากทึ้งดึงไถลอย่างเหี้ยมโหดในบางที เขาไม่ได้ต่างจากสัตว์ตัวน้อย สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้ แต่อย่างน้อยการเป็นลูกคุณหนูบ้านมหาเศรษฐีก็ดูจะทำให้เขาได้เรียนรู้ในแบบที่ผู้ดีเขาทำกัน หลายเรื่องที่ฉันไม่รู้ก็ได้เขาคอยบอกเล่าและสอน เราแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญการที่แตกต่างกันออกไป เพราะอย่างนั้นพวกเราทั้งคู่ถึงได้รู้สึกสนิทใจจนถึงขั้นแลกเปลี่ยนอะไรบางสิ่งแก่กัน

 

          ตลอดชีวิตของฉันคงมีแค่เขาคนนี้ที่ทำให้ไม่อยากออกไปพบกับใคร แน่นอนว่าสถานะเพื่อนคนสนิทหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราเป็นไม่ได้หมายรวมถึงเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ทุกครั้งที่เขามีโอกาสได้ใช้เวลารื่นเริงกับสาวๆ ฉันมักจะคอยอยู่ตรงนั้น เฝ้ามองในบางที อาจนั่งฟังเสียงเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจบลงอย่างดีและเรียบร้อย จะปล่อยให้เขาคลาดสายตาไม่ได้เพราะแม้จะเป็นเจ้าพ่อมาเฟียในสายตาของใครต่อใคร แต่แท้จริงข้างในนั้นก็เป็นคุณหนูเอาแต่ใจคนหนึ่งเลยทีเดียว

 

          หากจะพูดว่าเขาดูแลตัวเองไม่เป็นนั่นคงไม่ได้เพราะในเรื่องการถนอมตัวเองต้องยกให้เป็นอันดับหนึ่ง ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตที่อาจจะเผอเรอไม่ระวังจนอาจโดนใครลอบทำร้ายแล้วนั่นยิ่งแล้วใหญ่ โรมันเข้าขั้นวิตกกังวลจนนอนไม่ได้ในช่วงแรกๆ กระทั่งฉันทำให้ทั้งหมดอันตธานหายไป จัดการดูแลทุกอย่างให้แน่ใจว่าเรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้น ทำทุกวืถีทางให้ผู้คนเหล่านั้นหลีกให้พ้นทาง รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ปาดคมมีดลงบนผิวกายของใครสักคน ชโลมเลือดที่หลั่งรินไปกับตัว ยิ่งถ้าเป็นพวกที่เข้ามาหวังผลประโยชน์จากเขา ฉันยิ่งยิงดี พร้อมจะค่อยๆ กรีดเลาะผิวหนังและถลกใบหน้าพวกนั้นอย่างเจ็บแสบ ปล่อยให้กรีดร้องเจ็บปวดทรมานโดยไม่คิดปลิดชีวิตในทันที

 

          ใครที่ทำร้ายเขาไม่เคยได้มีชีวิตรอดกลับออกไปสักคนเดียว ใครที่คิดทำร้ายเขาจะต้องเจอคนแบบฉัน ชื่อที่ถูกกล่าวขานมาเนิ่นนาน ‘Mr.Zsasz’

 

          ฉันรักทุกครั้งเวลาที่ได้เชือดเฉือนคมมีดลงบนผิวเนื้อของใครสักคน กลิ่นคาวเลือด เสียงกรีดร้อง มันเป็นเหมือนงานอดิเรกที่เราทั้งสองต่างได้ประโยชน์กันทั้งคู่ โรมันได้ชำระแค้น ได้สร้างอาณาเขตความยิ่งใหญ่ของตัวเองส่วนฉันก็ได้ทำในสิ่งที่ชื่นชอบ การปลิดชีพบรรดานกน้อยที่น่าเวทนา พวกเขาไม่ได้ต่างจากผู้คนที่แสนระถมทุกข์ที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ส่วนฉันก็เป็นเหมือนผู้ปลดปล่อยให้นกน้อยเหล่านั้นได้หลุดจากบ่วงพันธนาการ โบยบินออกจากกรงขัง ได้มีอิสระที่แท้จริงอีกครั้ง

 

          “Peel it off.”

 

          โรมันออกคำสั่ง ท่ามกลางบรรดาลูกน้องนับสิบมีเพียงฉันเท่านั้นที่ขยับตัวเข้าหาเหยื่ออันแสนโอชา หัวเราะชอบใจในลำคอพร้อมมอบรอยยิ้มให้แก่ผู้โชคดีในค่ำคืนนี้ สัมผัสมือเข้ากับใบหน้าที่หวั่นเกรงต่อความตาย ถึงจะส่งเสียงปลอบใจสั้นๆ แต่มันไม่ได้เป็นผล การปลอบเหล่านั้นไม่เคยได้ผลกับใครคนอื่น ไม่มีใครฟัง มีแต่เสียงร้อง กรีดร้องที่ไม่ต่างจากบทเพลงอันน่าเย้ายวนใจ น่าสนุกเสียเหลือเกิน… ยิ่งเมื่อคมมีดได้กดลงเชือดเฉือนผิวหน้ามันกลับยิ่งรู้สึกดี เหมือนได้เติมเต็มอารมณ์ที่ฉันแสนโหยหาย กระชากผิวหน้าออกจากเนื้อหนังเผยแสดงความบ้าคลั่งเหล่านั้น แสดงออกถึงความชื่นชอบเหล่านั้น จัดการทุกอย่างอย่างหมดจด ก่อนจะยอมปลดปล่อยให้พวกนกน้อยในกำมือเป็นอิสระด้วยการกดคมมีดเฉือนเข้ากับเส้นเลือดใหญ่ ปล่อยให้โลหิตหลั่งรินจนหมดตัว

 

          ความรู้สึกที่ได้ปลิดชีวิตเหยื่อสักคนมันช่างเสียวสะท้าน เติมเต็มความปรารถนาที่ฉันโหยหาอย่างสม่ำเสมอ จนในบางครั้งฉันกลับคิดว่าถ้าระหว่างพวกเรามีเหตุการณ์แบบนี้มันจะออกมาเป็นแบบใด ฉันจะรู้สึกอย่างไร โรมันจะแสดงออกแบบไหน แต่ที่แน่นอนมันเป็นความรู้สึกที่ได้ครอบครองไม่ใช่เพียงเพราะชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของฉันแต่มันเป็นเพราะสามารถกระทำอะไรก็ตามที่อยู่ในใจกับเขาได้อย่างใจอยาก

 

          หากทำได้ก็อยากจะเห็นสีหน้าของโรมันยามนั้นเสียเหลือเกิน อยากจะสูดกลิ่นและลิ้มรสชาติเลือด อยากจะฟังเสียงร้องอ้อนวอนของเขา อยากสัมผัสและปลอบประโลมเขา อยากเห็นน้ำตาที่เกิดจากความเจ็บปวดเสียเหลือเกิน…

 

          ปรารถนาที่จะครอบครองเขาให้ได้มากเกินกว่านี้..

 

          “Victor, sleep with me.”

 

          “Okay, boss.”

 

          ฉันฉีกยิ้มกว้างส่งให้กับเขา คำพูดเชิญชวนนั้นไม่ได้หมายความอย่างที่ต้องการสื่อนั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนแม้จะใช้คำพูดให้รู้สึกไปแบบนั้นก็ใช่ว่าเขาอยากให้ฉันทำเกินกว่านั้นจริงๆ โรมันแค่อยากมีใครอยู่ข้างๆ คอยนอนกอดและปลอบอยู่ใกล้ๆ เฝ้ารอกระทั่งตัวเขาผล็อยหลับไป ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกสำหรับฉันที่พักหลังการนอนเตียงคนเดียวมันดูอ้างว้างเหลือเกิน การมีใครนอนอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรนับเป็นเรื่องใหม่อยู่ทีเดียว

 

          ถึงแม้ว่าโรมันจะบอกให้ฉันนอนกับเขาแต่ด้วยความเป็นคนกลางคืนอย่างเต็มตัวก็ใช่ว่าจะสลบไสลตามไปในทันที ยามที่เขานอนหลับอยู่ข้างๆ ในอ้อมกอด ฉันมักจะค่อยๆ ขยับตัวลุกออกไปจัดการอะไรต่อมิอะไรต่อ ถึงอยากจะนอนด้วยแต่งานคลับและงานอื่นๆ ของแบล็คมาสค์ก็ไม่เคยหยุดให้พักผ่อน..

 

          เสียงลมหายใจใกล้ใบหูทำให้ฉันตั้งใจฟังเป็นพิเศษ แขนที่ยกขึ้นมาสอดกอดร่างทำให้อยากหันไปมอง แต่พอได้มองเมื่อไหร่ความต้องการบางอย่างมันกลับพร้อมที่จะก่อตัวขึ้นมาในทุกๆ ครั้ง ปลายจมูกของฉันขยับเข้าหาใกล้ขึ้นดุนเข้ากับเรือนผมสีเข้มที่มักหวีเรียบเข้าทรง หอมจนอยากจะสูดดมและกลืนกินเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งจมูกและริมฝีปากนั่นก็ด้วย..

 

          นึกขึ้นมาก็ดันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัดในอก มันน่าหงุดหงิดใจอยู่หน่อยๆ จนอยากจะลุกออกจากเตียงไปทำสิ่งอื่น เพราะถึงเราจะมีหลากหลายสถานะแถมสนิทกันจนเหมือนเป็นคนคนเดียวแต่อย่างไรก็ดีสถานะหนึ่งที่ก้าวข้ามได้ยากก็ยังมีคำว่าเจ้านายลูกน้องอยู่ดี .. ถึงจะชอบเรียกว่า ‘บอส’ แต่ฉันเองก็อยากเรียกชื่อเขาเหมือนกัน

 

          เสียงลมหายใจถูกพ่นออกมา อาจจะดังเกินกว่าปกติคนข้างตัวถึงกล่าวทัก

 

          “What’s wrong, Victor?”

 

          “Nothing.”

 

          “You can tell me. You can talk to me.”

 

          แต่กลับไร้ซึ่งคำตอบที่จะกล่าวบอกให้เขาฟัง ฉันแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วหันไปหา ตัดสินใจกดริมฝีปากลงข้างกระหม่อมพร้อมใช้มือสัมผัสเรือนผมสีเข้มอย่างเบามือ ไม่บ่อยนักที่ฉันจะทำแบบนั้น ใช่.. ไม่บ่อยเลยที่จะทำแบบนั้นกับเขา ถึงเราจะเริ่มนอนด้วยกันบ่อยขึ้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกเติมเต็มความต้องการของฉันได้เลย

 

          โรมันส่งเสียงเบาๆ ในลำคอ ไม่แน่ใจว่าเขายิ้มอยู่หรือเปล่าแต่ก็ดันพูดขึ้นมาอีกว่าชอบที่ฉันทำอะไรแบบนั้น เขาบอกออกมาว่าถ้าหากมีโอกาสจะทำอีกครั้งหรืออีกหลายๆ ครั้งก็ไม่มีปัญหา จะทำอะไรกับเขาก็ได้ตราบใดที่อยู่ด้วยกันสองคน ฟังแล้วคนเอาแต่ใจอาจจะกลายเป็นฉันเองก็ได้..

 

          ตอนนี้ชักจะไม่อยากลุกออกไปไหนซะแล้ว..

 

[Black Panther] Desire (3)

Standard
Title:  Desire (3)
Pairing:  Ulysses Klaue and Everett Ross
Movie: Black Panther (2016)
Author: Zol Redfox
:: Previously :: Desire (1)  (2)

 

 

        “นั่งลงก่อนเดี๋ยวฉันจะให้นายลองอีกตัว”

 

        “ผมสนใจแค่สมุนไพรตัวที่คุณให้ผมมาเท่านั้น”

 

        “ฉันจะให้นายเป็นของแถม เจ้านี่ใช้กันแพร่หลายมาสักพักแล้ว หายากจนพวกนักธุรกิจโก่งราคา”

 

        รอสส์ทบทวนคำว่า ‘นักธุรกิจ’ คำเรียกที่ดูเฉพาะเจาะจงทำให้เจ้าหน้าที่อย่างเขาสนใจขึ้นมาเล็กน้อย ตกลงชายคนนี้เป็นพวกนักธุรกิจมือฉมังท่าทางจะซื้อขายอะไรที่มากกว่าพวกสมุนไพรหรือยา หากเป็นเจ้าหน้าที่คนอื่นคงได้มีการถามซักไซ้ไปบ้างแล้วเกี่ยวกับอาวุธหรือสิ่งของที่มีแนวโน้มจะก่อความไม่สงบต่อประชาคมโลกแต่สำหรับรอสส์ เขาไม่ได้สนใจ.. เป็นแต่ก่อนก็คงใช่เพียงแต่เวลานี้ ณ ตอนนี้เขามาในฐานะคนธรรมดาที่ต้องการผ่อนคลายสมองของตัวเองเพียงเท่านั้น เขาหย่อนตัวลงนั่งที่ปลายเตียงคอยสอดส่องมองการกระทำของชายเจ้าของห้อง สิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ซีไอเอสงสัยไม่ใช่เรื่องการซื้อขายแต่เป็นเรื่องที่ตนถูกเข้าหาในวันนั้น

 

        “ทำไมวันนั้นถึงเดินเข้ามาหาผม?”

 

        เขาตัดสินใจกล่าวถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ภายในใจ การที่จะปลดความค้างคาใจเหล่านั้นได้ก็ต้องเป็นผู้ที่สามารถให้คำตอบได้เท่านั้น ชายคนนั้นผละออกจากกระเป๋าสินค้า ดวงตาสบประสานกับคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง สีหน้าของชายร่างเล็กดูฉงนสงสัย อาจจะมากเกินไปจนเกิดปมที่หัวคิ้ว ต่างจากอีกคนที่แสยะยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ดูจะมีความนึกคิดหลายๆ อย่างซ่อนอยู่ภายใต้นั้น รอสส์เดาไม่ถูกเลย

 

        “ฉันถูกชะตานายคำตอบก็แค่นั้น”

 

        ‘ถูกชะตา’ ? รอสส์ทบทวนคำพูดนั้นในใจ เหมือนว่าคนคนนี้จะบอกกับตนตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า ตั้งแต่วันแรกที่เสนอตัวมาเลี้ยงเครื่องดื่ม วันนั้นก็พูดบอกว่าถูกชะตาด้วย..

 

        “บอส! เรือสินค้ามีปัญหา!”

 

        ชายในชุดเสื้อแจ็คเก็ตสีดำปรากฏตัวเข้ามาภายในห้องพักแทบจะทันทีที่รอสส์อ้าปากเตรียมพูดถามบางสิ่ง อาการโผงผางของชายคนนั้นทำให้ผู้เป็นเจ้าของห้องต้องผละเดินไปหาอย่างรวดเร็ว รอสส์แสดงท่าทางเหมือนต้องการออกจากห้องเมื่อสายตาสบเข้ากับผู้มาใหม่ แม้ประสงค์ที่จะออกไปแต่สุดท้ายมือที่สลักด้วยลวดลายไม้กางเขนกลับกดบ่าเล็กดันลง ดูเหมือนพ่อค้าผู้นี้จะไม่ยอมให้รอสส์ลุกไปไหน เขาจะไม่ยอมเสียลูกค้าคนนี้

 

        “ฉันบอกนายว่ายังไง?”

 

        “……ห้ามเข้ามาในห้องหลังสี่ทุ่ม…แต่บอส เรือ…”

 

        “นั่นไง! จำได้นี่? แล้วทำไมถึงเสนอหน้าเข้ามาหาฉันตอนนี้?”

 

       รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง หากให้รอสส์ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์กล่าวเปรียบเทียบก็คงบอกว่าชายตรงหน้าคล้ายกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ถึงน้ำเสียงที่กล่าวพูดจะไม่ได้แตกต่างจากที่สนทนากับเขาแต่บรรยากาศโดยรอบ รอสส์สัมผัสได้ รับรู้ได้แม้ว่าตนไม่ใช่ผู้ถูกต่อว่า รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาในทันที

 

        “ขอโทษครับบอส…”

 

        “ให้ลิมเบอนี่มันจัดการ แล้วก็จำไว้ว่าอย่าขัดคำสั่งฉันอีก”

 

        มือข้างขวายกขึ้นตบบ่าของผู้เป็นลูกน้อง บีบลงกับผิวกายราวกับจะบดขยี้ให้แหลกคามือ ถึงแม้ว่ารอยยิ้มจะถูกแต่งแต้มบนใบหน้าอีกครั้งแต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม ไม่น่าวางใจเลยแม้แต่นิดเดียวจนแม้แต่รอสส์ยังต้องพยายามกลืนน้ำลายตามชายคนนั้นไปด้วย เว้นไว้เพียงสิ่งหนึ่ง.. การกระทำของพ่อค้าคนนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ซีไอเอรู้สึกประหลาด รู้สึกแปลกจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เหมือนเขาถูกเติมเต็มด้วยอารมณ์บางอย่างที่ตนไม่เคยได้รู้สึก เขาไม่สามารถหาคำตอบนั้นได้และคิดว่าไม่มีทางหาคำตอบจากสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่นี้ได้เลย

 

        “กลับมาที่เรื่องของเรากันดีกว่า”

 

        รอยยิ้มที่ถูกส่งมาช่างแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ไร้ซึ่งความกดดัน เป็นความผ่อนคลายที่น่าประหลาด รอสส์ได้แต่มุ่นคิ้วกับตัวเอง..

 

        คิดถูกหรือผิดที่ตกลงปลงใจมาตามคำแนะนำของพ่อค้าคนนี้ สถานการณ์นี้ไม่ต่างจากการที่เขากำลังตกลงแลกเปลี่ยนสินค้าจากผู้ร่วมธุรกิจหรือล่อซื้อของโจรเลย ให้ตายเถอะเอเวอเร็ตต์.. เลิกนึกถึงงานสักที

 

        เรียวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันจนต้องยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว รับรู้ได้ถึงความตึงเครียดที่แล่นเข้ามาในหัว ประเดประดังหลากหลายเรื่องราว ทั้งความเครียดจากงาน แถมยังมีเรื่องครอบครัวอยู่อีก แรงกดดันจากหลายสิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ซีไอเอคนนี้ตกอยู่ในสภาวะนอนไม่หลับ

 

        ขณะที่รอสส์กำลังจัดการตัวเองชายผู้มากด้วยรอยสักก็หันกลับมาหาอีกครั้ง เขาใช้สองนิ้วมือยื่นซองที่บรรจุสมุนไพรให้แก่ลูกค้า พอมองดูสภาพชายร่างเล็กตรงหน้าก็เห็นได้ชัดว่าอาการไม่ค่อยดีเอาเสียเลย แต่ใช่ว่าคนอย่างเขาจะให้ความสนใจมากมาย แม้อัธยาศัยดี พูดคุยเก่งแต่ในเรื่องของความเห็นใจเขาไม่เคยมีมาก่อน แสดงให้ได้ประจักษ์ต่อสายตาลูกน้องมามากครั้งจนทำให้ใครหลายคนเกรงกลัว

 

        บางครั้งเงินมาของไปความห่วงใยก็อาจจะตามมา นั่นคล้ายเป็นคำเตือนใจตัวเอง น่าเศร้าที่อเมริกันกายคนนี้ดูจะได้รับความสนใจจากชายนักธุรกิจที่ชื่อ ‘ยูลิซิส คลอว์’ เป็นพิเศษ

 

        หากใครได้ล่วงรู้ชื่อของยูลิซิส คลอว์ก็คงพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชายผู้นี้คือมนุษย์ที่จิตใจเย็นเยือก ไร้ความปราณี หลายครั้งแม้จะแสดงออกอย่างเป็นกันเอง ดูสนุกสนานแต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความบ้าคลั่งอยู่หลังภาพที่ปรากฏ แววตาที่ดุดันนั้นแสดงออกมาเสียหมด หากไม่ใช่เรื่องของธุรกิจเขาแทบจะไม่ต่อรองกับใครทั้งสิ้น  เหนือสิ่งอื่นใดคลอว์ยังเป็นจอมโจรที่เอาตัวรอดได้เก่งเลยทีเดียว

 

        “ผมอยากดื่มที่นี่ ตอนนี้”

 

        รอสส์พ่นลมหายใจเบาๆ เงยใบหน้าขึ้นสบสายตากับชายตรงหน้าที่ยังถือซองสมุนไพรในมือ ในหัวกำลังแล่นจี๊ดจนคิดว่าตนสมควรนอนพักผ่อน แต่การที่จะมานอนพักที่ห้องบุคคลน่าสงสัยนั้นเป็นเรื่องน่าลำบากใจและเป็นอันตรายต่อตัวเอง หวังว่าเขาจะไม่ตัดสินใจอะไรที่สุ่มเสี่ยงเพราะแค่การตอบตกลงนักธุรกิจคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าก็แทบจะเป็นการพาตัวเองเข้าสู่ความเสี่ยงแก่ชีวิตครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

 

       “ทำหน้าทำตาเหมือนไม่ไหว ช่วยสงเคราะห์นายสักหน่อยจะเป็นอะไรไป? คิดค่าชงด้วยเลยดีไหม?”

 

        คลอว์ฉีกยิ้มกว้างหลังกล่าวคำพูดคล้ายการเย้าหยอก เขาผละไปจัดการกาน้ำร้อนที่เสียบค้างไว้ตั้งแต่ต้น ราวกับรู้ว่าผู้มาเยือนต้องได้รับเครื่องดื่มสักแก้ว ราวกับวางแผนบางอย่างไว้ ทั้งหมดน่ากังขาหากความสามารถในการวิเคราะห์ของรอสส์ใช้งานได้อย่างเต็มที่ยามนี้คงมีแต่คำถาม คำถามและคำถาม แต่กลับเป็นเช่นนั้นไม่ได้เมื่อความต้องการของเขายามนี้คือการทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นเสียที หากต้องทรมานกับอาการเครียดพวกนี้สักวันคงได้แย่จริงๆ

 

        เครื่องดื่มถูกจัดเตรียมลงแก้วหลังจากนั้นเพียงไม่นาน กลิ่นหอมของสมุนไพรโชยไปแตะจมูกของเจ้าหน้าที่ซีไอเอเมื่อมันถูกปรุงจนแล้วเสร็จ กลิ่นเครื่องดื่มนั้นละม้ายคล้ายดอกไม้ชนิดหนึ่ง มันค่อนข้างโดดเด่นกว่าตัวที่รอสส์ได้ดื่มเมื่อวาน แถมทำให้เขาต้องทึ่งอยู่หน่อยๆ เพราะเพียงแค่กลิ่นก็สามารถทำให้รู้สึกดีได้เพียงระยะสั้นๆ เขารับแก้วมาถือพร้อมการกล่าวขอบคุณ รู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวเองสักเท่าไหร่แต่คงไม่แปลกในเมื่อตอนนี้เขากำลังสวมบทบาทเป็นคนอื่นอยู่…

 

        เจ้าหน้าที่ซีไอเอเป่าไอร้อนในแก้วก่อนจะเริ่มจิบไปช้าๆ ปล่อยของเหลวอุ่นให้เคลื่อนผ่านลำคอ รู้สึกร้อนวาบเพราะการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหันกระนั้นแล้วกลับรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกดีจนลอบพ่นลมหายใจเบาๆ

 

        “ระวังร้อน”

 

        “คุณเตือนผมเร็วไปหรือเปล่า?”

 

        อดจะแสดงออกถึงนิสัยเสียในด้านการต่อปากต่อคำออกมาเสียไม่ได้ ไม่แน่ว่านั่นอาจจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองส่วนตัว แต่แม้ว่าเขาจะเริ่มต่อปากต่อคำ ชายตรงหน้าก็ยังคงยิ้มและส่งเสียงหัวเราะชอบใจอีกอยู่ดีแถมตอนนี้ก็เดินอ้อมหลังมาหาพร้อมเริ่มลงมือบีบนวดบ่าเสียอีก

 

        “มีอาการนอนไม่หลับอยู่ใช่ไหม? ท่าทางอาชีพนายเครียดน่าดู รู้สึกยังไงเวลาต้องนั่งอยู่ที่เดิมหลายๆ ชั่วโมง เฝ้ามองผู้คน คอยฟังเสียง คอยมองนั่นมองนี่”

 

        น้ำหนักที่ลงแรงบีบทำให้รอสส์รู้สึกชอบใจ ผ่อนคลาย รู้สึกดีจนเผลอส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ ยามเมื่อฝ่ามือกดลงตรงจุดที่ต้องการการให้คลายความรั้งตึง อาการปวดบ่าคอของเขาดีขึ้นเลยทีเดียว

 

        แต่หากฉุกคิดให้ดีประโยคของอีกฝ่ายควรทำให้แคลงใจอยู่หรือเปล่า? คำเหล่านั้นกำลังสื่อถึงอะไร? กำลังบอกว่าตัวตนของเขาถูกเปิดโปงแล้วหรือเปล่า?

 

        รอสส์แสดงท่าทางปกติเหมือนที่แสดงมาโดนตลอด ดื่มสมุนไพรในแก้วและรับแรงบีบนวดกำลังดีจากฝ่ามือหนาของอีกฝ่าย นึกดูแล้วพวกเขาไม่ได้แนะนำตัวกันเลยสักนิด แต่กว่าเจ้าหน้าที่หน่วยราชการลับจะตระหนักได้มันกลับกลายเป็นภาพสีขาวโพลน ปลอดโปล่งจนมีแต่คำว่านอนพัก ลืมเรื่องทั้งหมดเหล่านั้น จับมันโยนทิ้งไป ปล่อยให้เป็นไปดังที่ควรจะเป็น

 

        “ราตรีสวัสดิ์เอเจนท์รอสส์”

 

        นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนทุกอย่างจะดำมิด

 

        ‘บัดซบ… ซวยชะมัด’

 

🛍️ Store: *Click*
📔Commission: *Click*